Category เศรษฐศาสตร์

หุ้นขึ้นอย่าชะล่าใจ

หุ้นขึ้นอย่าชะล่าใจ ทิสโก้เตือนปัจจัยกดดันยังอยู่ รอจังหวะสักนิดก่อนลงทุน

หุ้นขึ้นอย่าชะล่าใจ ทิสโก้เตือนปัจจัยกดดันยังอยู่ รอจังหวะสักนิดก่อนลงทุน

TISCO ESU เตือนปัจจัยลบตลาดหุ้นยังอยู่ แม้ดัชนีปรับตัวดีขึ้นสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แนะนักลงทุนรอจังหวะลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้เมื่อราคาอยู่ในระดับที่เหมาะสม

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ หรือ TISCO ESU กล่าวว่า ตลาดหุ้นที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนที่ผ่านมาได้สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้นไปมากแล้ว และมูลค่าหุ้น หรือ Valuation ที่ขึ้นมาแพงทำให้ตลาดมีโอกาสปรับขึ้น หรือ Upside จำกัด

ในขณะที่สภาพคล่องที่มีแนวโน้มกลับมาลดลงนับเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่จะกดดันตลาดในระยะข้างหน้า จึงขอเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังการลงทุนและอย่าชะล่าใจเมื่อตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นและรอจังหวะลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้เมื่อราคาอยู่ในระดับที่เหมาะสม

“เรามองว่าตลาดหุ้นจะขึ้นต่อจากนี้ได้จำกัดเนื่องจาก Valuation ของตลาดในปัจจุบันที่ค่อนข้างแพงได้สะท้อนความคาดหวังของภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้นไปมากแล้ว โดยดัชนี S&P500 ได้ขึ้นมาเทรดที่ระดับ P/E ประมาณ 18 เท่า ซึ่งนับเป็นกรอบบนของช่วงการเทรดตั้งแต่ปี 2558–2562”

หุ้นขึ้นอย่าชะล่าใจ

นอกจากนี้ สภาพคล่องที่มีส่วนสำคัญในการหนุนตลาดขึ้นในช่วงที่ผ่านมายังมีแนวโน้มกลับมาลดลงในระยะข้างหน้า โดยคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed จะเดินหน้าลดขนาดงบดุลไปตลอดทั้งปีนี้ ซึ่งจะทำให้สภาพคล่องโลกลดลงราว 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ก็เริ่มลดขนาดงบดุลด้วยการเรียกคืนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำที่ปล่อยให้ธนาคารพาณิชย์ไปในช่วงปี 2557–2562 และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการลดการถือครองสินทรัพย์ ในช่วงไตรมาส

ในส่วนของธนาคารกลางญี่ปุ่น คาดว่า BoJ จะพิจารณาขยายกรอบ หรือยกเลิก Yield curve control ในไตรมาส 2 ซึ่งจะช่วยลดความจำเป็นในการแทรกแซงตลาดพันธบัตร และสุดท้ายหากรัฐสภาสหรัฐฯ ตกลงยกระดับเพดานหนี้ได้สำเร็จ สหรัฐฯ ก็จะมีการออกขายพันธบัตรใหม่เป็นจำนวนมากเพื่อชดเชยเงินในบัญชีสำรองที่ลดลง ซึ่งจะเป็นการดึงสภาพคล่องออกไปจากระบบอีกทางหนึ่ง

สำหรับปัจจัยบวกที่หนุนให้ราคาหุ้นทั่วโลกปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเพราะได้รับแรงหนุนจากทั้งปัจจัยบวกทางด้านเศรษฐกิจ ได้แก่

1. การคลี่คลายของวิกฤติพลังงานในยุโรป

2. การผ่อนคลายมาตรการโควิดของจีน

3. การชะลอตัวลงของอัตราเงินเฟ้อ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ตลาดเริ่มมองว่า Fed จะหยุดขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ โดยสามปัจจัยบวกดังกล่าวช่วยบรรเทาความกังวลของนักลงทุนต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยังได้แรงหนุนจากสภาพคล่องซึ่งกลับมาเพิ่มขึ้นชั่วคราวจากสองช่องทาง ได้แก่

1. การแทรกแซงในตลาดพันธบัตรของธนาคารกลางญี่ปุ่น เพื่อควบคุม Bond yield ไม่ให้พุ่งขึ้นเกินเป้าหมาย

2. การชนเพดานหนี้ ของรัฐบาลสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ส่งผลให้รัฐบาลไม่สามารถออกขายพันธบัตรเพิ่มเติมเพื่อกู้เงินจากประชาชนได้ โดยการที่รัฐบาลออกพันธบัตรเพื่อกู้เงินจากประชาชนนั้นนับเป็นการดูดสภาพคล่องออกจากระบบ

ดังนั้นการหยุดขายพันธบัตรชั่วคราวในช่วงที่หนี้ชนเพดาน ในขณะที่รัฐบาลใช้จ่ายโดยใช้เงินจากบัญชีเงินสำรอง จึงส่งผลให้สภาพคล่องเพิ่มขึ้น

อ่านข่าวเศรษฐศาสตร์ที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่ : สินค้าจีไอไทยลั่นเอเปก

เศรษฐศาสตร์.jpg3

สินค้าจีไอไทยลั่นเอเปก

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า การที่ไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปกครั้งนี้

รัฐบาลได้นำสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) ไทย 8 รายการมาเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะผู้นำจาก 21 เขตเศรษฐกิจ เพื่อนำเสนออัตลักษณ์ความเป็นไทย ผ่านเมนูอาหารที่อาศัยวัตถุดิบ ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ของจังหวัดศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด ยโสธร สุรินทร์ และมหาสารคาม, เนื้อโคขุนโพนยางคำ จังหวัดสกลนคร, ปลากุเลาเค็มตากใบ จังหวัดนราธิวาส, ไวน์เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา, ส้มโอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม, ไข่เค็มไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมถึงกล้วยหอมทองพบพระ จังหวัดตาก ที่กำลังจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าจีไอ

นอกจากนี้ ได้นำผ้าไหมปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา มาทอเป็นของที่ระลึกแก่ผู้นำเอเปก เช่น เนกไท ผ้าคลุมไหล่ ฯลฯ นำมาซึ่งความภาคภูมิใจของเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นที่ได้มีส่วนร่วมเป็นเจ้าภาพต้อนรับ 21 ผู้นำเขตเศรษฐกิจจากทั่วโลก อีกทั้งยังช่วยสร้างโอกาสทางการค้า กระตุ้นยอดขายและสร้างรายได้รับการเปิดประเทศอย่างแท้จริง”

เศรษฐศาสตร์.jpg3

อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญากล่าวว่า ทั้งนี้ สินค้า GI ทั้ง 8 รายการ ล้วนเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคโดยที่ผ่านมาสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ชุมชนท้องถิ่นรวมกว่า 820 ล้านบาทต่อปี ซึ่งกรมทรัพย์สินทางปัญญาและหน่วยงานพันธมิตร พร้อมเดินหน้าส่งเสริมสินค้าจีไอ โดยเฉพาะการขึ้นทะเบียนในต่างประเทศ เพื่อให้สินค้าไทยได้รับการคุ้มครองในตลาดการค้าที่สำคัญ รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าชุมชน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป